วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

ชวนกันอ่าน 001 : ชวนกันแปลงมนุษย์ สู่ดิจิตัล


ชวนกันอ่าน 001  นิตยสาร MARKETEER  ฉบับที่ 215  ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2561   สำหรับปกเล่มนี้ คือ เรื่อง  BECOME DIGITAL แปลงมนุษย์สู่ดิจิทัล  
        





         เมื่อผมเห็นนิตยสาร MARKETEER  ทกครั้ง ก็สนใจว่าฉบับนี้ จะมีพูดถึงการวิเคราะห์กลยุทธการตลาด ของสินค้าแบรนด์ใหญ่ ๆ  ซึ่งมักจะได้ไอเดีย มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน  สำหรับปกเล่มนี้ BECOME DIGITAL แปลงมนุษย์สู่ดิจิทัล  ก็เห็นแค่ปก ก็ตั้งคำถามในใจเลย ว่าจะมีคำแนะนำ หรือบทวิเคราะห์กลยุทธ์ การตลาดอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเป็น คนไทย ในยุคไทยแลนด์ 4.0  ก็ตัดสินใจหยิบนิตรยสารมาจากแผง และจ่ายเงินโดยพลัน  และเปิด
       
  • DESIGN ที่นำเสนอไอเดียของน่าใช้ ที่มีการออกแบบ กิ๊ปเก๊ สวย น่าใช้ ทันสมัย สำหรับฉบับนี้ 6 ชิ้นที่ชอบมากสุดคือ "แพ็กเกจจิ้งแก้วการแฟ  แค่เปิดดื่มก็เหมือนได้ลืมตาตื่น"
  • ยักษ์เล็ก MONO 29 เรื่องราวของ ช่องดิจิทัลทีวี น้องใหม่ ที่ใช้เวลา 5 ปี  เติบโตมาสูช่องอันดับ 3 ในปลายปี 2560   เรื่องราวที่สะท้อนถึงการใช้ทุนเดิม ในการสร้างPosition และเนื้อหาของช่องที่ชัดเจน น่าจะเป็นประสบการณ์ ได้  และเนื้อหา นี้ก็ไปสอดคล้องกับ เนื้อหาใน บท LIFE ที่เล่าถึงคนดังที่พบความสำเร็จ หลังลบคำสบประมาท อาทิJK ROWLING Steven Spielberg  เป็นต้น  


  • เรื่องจากปก Cover story  "สร้างนักการตลาด ยุคดิจิทัล" ที่เป็นคอลัมภ์ มาเล่าถึง การปรับ Mindset ของคนทำงานและการพัฒนาคนให้มี Digital Skill ของ 4 องค์กรใหญ่ ประกอบด้วย 
    • Kbank : เพื่อลูกค้าคน Kbank ต้องไม่เหมือนเดิม   
    • Challenge เปลี่ยนคนดิจิทัล ใน DTAC  
    •  สูตรลับการทอดไก่ KFC   จากผู้พันแซนเดอร์ส สู่สูตรลับการสร้างคน 
    • AIS Academy การตื่นรู้ของคนเป็นเรื่องสำคัญ
อ่านครบ จะเห็นว่า ทั้งสี่ องค์กรให้ความสำคัญกับ การพัฒนา คน ขององค์กร ให้มีความรู้  มีทักษะเพื่อรองรับ ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ และแน่นอนที่สุด องค์กรก็คาดหวัง ให้คน ขององค์กรได้พัฒนา ไปด้วยกัน

  •    The Battle   การเปรียบเทียบกลยุทธ์การตลาด ของผลิตภัณฑ์ ต่างๆ  ในฉบับนี้ จับคู๋ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่  SCG EXPRESS กับ KERRY EXPRESS คู่ที่ 2 ธุรกิจเสต็ก  ซาตาเฟ่ กับ ซิสเลอร์   คู่ที่ 3 ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เปปทีน ปะทะ แบรนด์เจนยู        
   นอกจากเนื้อหาหลักๆ ที่เล่าให้ฟังแล้ว  สิ่งที่ได้จากเนื้อหาฉบับนี้ ก็มีทั้งเรื่องการจัดสรรชีวิต ให้ลงตัวทั้งงาน และชีวิตครอบครัว  การปลุกความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งที่ถูกมองข้าม และ  5 digital trend change life style เป็นต้น 
      สำหรับคนที่ต้องการ update ข้อมูลการตลาด หรือหาไอเดียใหม่ๆ จากประสบการณ์การตลาดของผลิตภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ในการพัฒนาคน ให้เท่าทันโลกเทคโนโลยี ผมคิดว่า Marketeer  เล่มนี้ เหมาะกับคุณ  อย่างคำพูดในฉบับที่ว่า ถ้าไม่อยากเป็นผู้แพ้ Cultural Transformation  ต้องพัฒนาทั้งคน และองค์กรอย่างเข้มข้น  

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ไอทีเสริมการเรียนรู้ข้ามความเชื่อและข้อจำกัดด้านร่างกาย

💡💡ชวนมิตร คิดต่อยอด....สร้างสังคมการเรียนรู้ด้วยไอที📱📱
      🙏🏻🙏🏻วันนี้ได้สักการะ พระธาตุลำปางหลว และมีโอากส ชมภาพสะท้อน  องค์พระเจดียไม่ใช่แค่เงาขาวดำ  แต่คือภาพสี และเคลื่อนไหว เป็นดังเงาในน้ำ หรือกระจก  แบบจัดเต็ม  🌅🌅
        🤩🤩ตื่นเต้น และตื่นตา ว่าภูมิปัญญา คนโบราณ ทำได้สุดยอดมาก  ใครไปสักการะพระธาตุลำปางหลวง ก็อย่าลืมเดินไปชมนะครับ บนหอพระพุทธบาท เมื่อหันหน้าทางเจดีย์ จะอยู่มุมขวาหลัง  อยู่สูงหน่อย บันไดชัน จะขึ้น ก็ต้องกึ่งๆปีน แต่สำหรับผู้หญิงต้องห้าม ตามความเชื่อดั่งเดิม และผู้สูงอายุแม้จะเป็นผู้ชายคงลำบากนะครับ 🧓🏻👵🏻
😇😇แต่ด้วยความคิด และเทคโนโลยีไอที ปัจจุบัน เราทำได้ ให้การได้เห็น รับรู้ ที่ก้าวข้ามข้อจำกัดความเชื่อ และข้อจำกัดด้านร่างกาย ✨✨
🌠🌠ทำป้ายสักหน่อย ว่าหอพระพุทธบาท นี่คืออะไร สร้างเมื่อไร ภูมิปัญญาที่สำคัญ คืออะไร
📲📲มี qr code สำหรับถ่าย เพื่อเชื่อมลิงค์ ไปยัง youtube หรือคลิปวิดิโอ ที่ให้เห็นภาพ สะท้อนลนพื้นผ้า ในอุปกรณ์มือถือได้ และอาจจะมีลูกเล่นให้แชะ แอน แชร์ ได้ด้วย
📺📺ในอนาคต ถ้า เทคโนโลยีแว่น vr พร้อมกว่านี้ก็อาจจะจำลอง บรรยากาศ ในหอ ให้ดูเหมือนเสมือนจริง  และอาจมีบรรยายให้ความรู้ประกอบไปด้วย
      🎉🎉นอกจากประชาชนผู้หญิง และผู้สูงวัย ได้เรียนรู้ ในสถานที่วัด แต่ไม่ได้ขึ้นไปแล้ว แล้ว หน่วยงานรัฐ ยังได้ยอดจำนวนคนเข้าชม เพื่อนำไปกำหนดงบประมาณสนับสนุนต่างๆต่อไป แค่ นี้ก็ win win ไฮโซ🤗🤗
    🧐🧐เห็นไหม ไอที สร้างสรรค์ การเรียนรู้ ก้าวข้ามข้อจำกัดได้ดีทีเดียว....💡💡
#ไอทีสร้างสรรค์การเรียนรู้

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

5ข่าวเด็กและเยาวชนกับสื่อออนไลน์ที่น่าสนใจ (วันที่ 5 มิ.ย – 11 มิ.ย.2560)

1 ครม.อนุมัติตั้งศุูนย์คุ้มครองเยาวชนใช้สื่อออนไลน์ ที่ประชุม ครม.(6 มิ.ย.2560 )มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ ดังนี (1.) เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ พ.ศ. 2560 – 2564 และ
(2.) เห็นชอบให้ พม. จัดตั้งศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติการกรณีเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ ร่วมกับหน่วยงาน องค์กร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
http://www.thansettakij.com/content/158072

2 วัยรุ่นคิดอย่างไรกับการนำเสนอ 'ข่าวเปรี้ยว' ??  จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น กับคดีฆ่าหั่นศพสาว "แอ๋ม" วริศรา กลิ่นจุ้ย ที่ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และสื่อมีการเกาะติดเรื่องนี้อย่างมากจนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ของสื่อ ว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเกินไปหรือไม่ เลยไปจนถึงว่าให้ความสำคัญกับ "เปรี้ยว" ผู้ต้องหามากเกินไป และกังวลว่าจะทำให้ "เปรี้ยว" กลายเป็นไอดอลของคนที่แยกแยะไม่ได้ โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น  https://goo.gl/b7vPsf

3.กูเกิ้ลปล่อย "Be Internet Awesome" ช่วยเด็กรู้ทันโลกออนไลน์แบบชาญฉลาด โลกหมุนเร็วมากขึ้นทุกทีจนในวันนี้แม้แต่เด็กเล็กๆสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เป็นเรื่องปกติ แต่โลกออนไลน์นั้นไม่ได้ปลอดภัยตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ทั้งนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง “Google” ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน  ในการตัดสินใจบนโลกออนไลน์อย่างชาญฉลาด ในชื่อ “Be Internet Awesome” ตอบโจทย์ผู้ปกครองให้รู้สึกวางใจในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของบุตรหลานว่าจะปลอดภัยและสนุกสนานเพลิดเพลิน  https://goo.gl/2FUAlf

4.วิจัย'มจร'ปลื้มเณร!ใช้มือถือถูกที่ถูกเวลา วิจัย'มจร'ปลื้มเณร! ผ่านโครงงานนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อชุมชน "สามเณรสมาร์ท" ใช้โทรศัพท์ให้ถูกที่ถูกเวลา สมเป็นสามเณรยุคศตวรรษ 21
https://goo.gl/piYxlK
5"เพิ่ม“เอ็มคิว”ในยุทธศาสตร์สุขภาพจิตกันอาชญากรวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต เพิ่มปลูก“จริยธรรมเด็กไทย” ป้องกันอาชญากรวัยรุ่น ในยุทธศาสตร์สุขภาพจิตชาติ 20 ปี ชี้สถิติปัจจุบันนี้มีเด็กและเยาวชนกระทำผิดปีละ 4 – 5 หมื่นคดี https://goo.gl/FCK3KG


วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

3ประโยคที่เขาชอบว่า NGOs

 Ngos ถ่วงความเจริญ
Ngos รับเงินต่างชาติล้มรัฐบาล
Ngos คือเสือนอนกิน
👿👿Ngos อีกแล้วหรือ เรามักจะได้ยินคำนี้ เวลาเห็นข่าว ความขัดแย้งระหว่างรัฐ กับประชาชน ในเรื่องต่างๆ และนี่เป็นคำโต้ตอบ สามคำถาม ที่มักเจอบ่อยๆๆ😠😠😠
👾👾เขาว่า Ngos ถ่วงความเจริญ... 👎👎
😇😇ขอบอก อันนี้อยู่ที่ว่านิยามความเจริญ คืออะไร คือความรุ่งเรืองประเทืองโลก ของคนกลุ่มหนึ่ง แล้วให้คนอีกคนกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมโดยรวม ต้องแบกภาระไว้ เช่น สร้างเขื่อน ตัดถนน แล้วย้ายคนในพื้นที่ออกโดยทำลายวิถีชีวิตเขา อันนี้ ก็ไม่ workนะ ชุดคำว่า นี้ ngos สายสิ่งแวดล้อม โดนเยอะ....,😽😽
😈เขาว่า ngos รับเงินต่างชาติ ล้มรัฐบาล💵💵
😌😌ขอตอบว่า คำพูดนี้ ไม่มีหลักฐานชัด เรื่องล้มรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ล้มกันเองด้วยราชการด้วยกัน 👮👮🏻‍♀️แต่ประเด็นรับเงินต่างชาตินะ 👳👳🏿จริง หลายองค์กรรับงบสนับสนุน จากองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อมาทำวิจัย พัฒนากลุ่มอาชีพ พิทักษ์สิทธิต่างๆ ตามเกณฑ์ที่สากลโลกเขาทำกัน น่าแปลกใจ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ รัฐบาล หรือ คนรักชาติบางส่วนไม่ให้การสนับสนุนเฮ้อ....
😈😈เขาว่า NGOs คือ เสือนอนกิน🐅🐅 ไม่ทำไร ก็มีตัง💵💵
😌😌ขอตอบว่า ตั้งสติ และบอกว่า อย่ามโน มโน ไม่มีใคร ให้คุณใช้เงินฟรีๆ สิ่งที่ Ngos ทำ คือโครงการ จะโครงการวิจัย โครงการอบรม โครงการพัฒนา ที่ได้รับงบประมาณ สนับสนุน ค่าตอบแทน ค่าดำเนินกิจกรรม ค่าต่างๆ เหมือนเช่น องค์กรทั่วไป แต่อ่ะๆๆ การเป็นองค์กรไม่แสวงกำไร มิใช่ไม่มีค่าตอบแทนนะจ๊ะ ลูกเม่ีย👨‍👨‍👧‍👦👨‍👨‍👧‍👦 ครอบครัวยังต้องดูแล อนาคตตัวเองก็ต้องสร้าง เฉกเช่นมนุษย์ราชการ และธุรกิจทั่วไป🤗🤗
😘😘NGOs ก็ไม่ใช่ใครอื่น เราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับคนอื่นๆๆ หากเพียงแต่ บทบาทเราบางครั้งต้องให้ความเห็นต่างกับรัฐ หรือธุรกิจ เพราะเรามีข้อมูล เห็นข้อเท็จจริง อีกด้าน เราไม่ค้านหัวชนฝา แต่ก็ไม่เชื่อรัฐหมดใจ แต่เราอยากให้รัฐ ธุรกิจ หรือภาคส่วนต่างๆ ร่วมคิดอย่างรอบคอบ มองรอบด้าน ก่อนตัดสินใจ เพื่อประโยชน์สุขของพี่ต้องชาวไทยไชโย......👭👬👫♥️♥️

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

#คิดถามแล้วค้นตอบ "ทำไมต้องพนัน"ตอนที่ 1


เวลาถามว่าทำไม มักจะคิดถึงเจ่าหนูจำไม ในอิคคิวซัง 
โดยจะที่จะถามเพื่อหาเหตุ หรืออาจจะถามเพื่อเรียกร้องความสนใจ 
แต่สำหรับตัวเอง ก็มีปรากฏการณ์ที่เห็นแล้วติดตาม คือ เรื่องพนัน 

และเมื่อเห็นเรื่องนี้มีในหลายด้านก็เลยเกิดคำถาม "ทำไม" ขึ้นมา

ทำไมศาสนา ต้องห้ามเล่นพนัน
ทำไมพนันจึงจัดว่าเป็นอบายมุข.....
ทำไมประชาชนเชื่อว่าจะรวยต้องถูกหวย (หวยเป็นพนันนะ)
ตามผลบอลสนุก ทำไมต้องพนัน
อยากลุ้น อยากเสี่ยงโชค ทำไมต้องพนัน
รัฐบาลอยากหารายได้ ทำไมต้องอ้างเรื่องพนัน
จะปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทำไมมีประเด็นพนันเกี่ยวข้อง
สื่อให้ข้อมูล กับประชาชน ทำไมต้องระมัดระวังเรื่องข้อมูลการพนัน
ทำไมเรื่องการแจ้งผลการออกรางวัลสลากกกินแบ่งรัฐบาล ถึงเป็นประเด็นถกเถียง ต่อบทบาทของสื่อคุณธรรม
ทำไมต้องห้ามเด็กและเยาวชน เล่นการพนัน
ทำไมการพนันจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคทางจิตเวช และโรคซึมเศร้า
ทำไมข่าวอาชญากรรมหลายข่าวมีสาเหตุมาจากพนัน .... ทั้งๆที้มองว่าเล่นพนันขำๆๆ
ทำไมในหลายประเทศ เขามีกฏหมายที่เข้มแข็งกับการควบคุมการพนัน
ทำไมหลายประเทศระวังการพนันกับอาชญากรรมการฟอกเงิน......
ทำไมบ้านเราถึงไม่มีกฏหมายควบคุมการพนันที่เข้มแข็ง........
ทำไมบ้านเราถึงมองว่า การพนัน เป็นเรื่องขำๆ
ทำไม.........................
ถามเพื่อคิด เพื่อดู บางท่ี พนัน ที่เราเข้าใจ มีความเหมายต่างกัน.........
และคงคิดหาคำตอบมาเล่าให้ฟังกันต่อๆไป

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

5 ข้อกังวล ต่อรัฐบาลต่อการเพิ่มจำนวนสลาก

         ตามที่มีข่าวว่า สำนักงานสลากฯ มีนโยบายเพิ่มปริมาณการพิมพ์สลากเข้าสู่ระบบอีก 10 ล้านฉบับ หรือเท่ากับ 5 ล้านคู่ต่องวด เริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 30 ธ.ค. 2559 นี้ ส่งผลให้ภาพรวมสลากงวดวันที่ 30 ธ.ค. 2559 เพิ่มจาก 120 ล้านฉบับ หรือ 60 ล้านคู่ เป็น 130 ล้านฉบับ หรือ 65 ล้านคู่.เพื่อแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และการกระจายโค้วต้าสลากนั้น ตามข่าวที่ออกมานั้น   จึงมีข้อกังวลที่อาจจะชวนคิด ต่อรัฐบาล 5 ประเด็นดังนี้

       
ข้อกังวลข้อที่ 1   รัฐบาลมีแนวคิดอย่างไร ต่อการจัดการสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสังคม
สลากกินแบ่งเป็นการพนัน แม้ว่าจะเป็นการพนันแบบอ่อนที่ส่งผลกระทบน้อยกว่าการพนันชนิดอื่นๆ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่รัฐต้องควบคุม เพื่อป้องกันและลดผลกระทบเช่นเดียวกับอบายมุขอื่นๆสำนักงานสลากฯ เพิ่มสินค้าในท้องตลาด  รัฐบาลก็ต้องมีนโยบายหรือมาตรการรณรงค์ออกมารองรับ เช่นเดียวกับอบายมุขอื่นๆ ที่มีการควบคุมและป้องกันผลกระทบจากการบริโภคจำนวนมาก

      ข้อกังวล ข้อที่ 2 ความจริงใจของรัฐบาลกับการป้องกันและลดผลกระทบการพนันมีจริงหรือไม่  
รัฐบาลมีนโยบายที่ไม่ต้องการส่งเสริมคนเล่นการพนัน และได้มีแนวนโยบายเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการพนัน ดังคำสั่งหัวหน้า คสช ที่ 11/ 2558 เรื่องมาตรการแก้ไขการจำหน่ายสลากเกินราคา และมีการกำหนดให้จัดตั้งกองทุนสลากเพื่อพัฒนาสังคม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกัน สร้างความตระหนักและลดผลกระทบจากการพนัน ซึ่งต้องชื่นชมต่อแนวคิดดังกล่าว แต่ปรากฏว่าผ่านไป1 ปี ก็ยังไม่มีผลงานเชิงประจักษ์ และไม่ปรากฏว่ารัฐบาลได้ติดตามความก้าวหน้าเรื่องดังกล่าว ในขณะที่การเพิ่มจำนวนสลากเพิ่มขึ้นเรื่อย

      ข้อกังวลข้อที่ 3 การพิมพ์สลากเพิ่มอีกเป็น 130 ล้านฉบับจะถือเป็นการจารึกผลงานของรัฐบาลหรือไม่
 รัฐบาลจะมองตัวเองย้อนหลังอย่างไรผ่านไป 5 ปี  ว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาโดยเพิ่มโควต้าสลาก เรื่อยๆถึง130 ล้านฉบับ เป็นเท่าตัว จาก 2-3 ปีที่ผ่านมา   ท่านจะภูมิใจต่อการได้ถูกจารึกไว้อย่างนี้หรือไม่

     ข้อกังวลข้อที่ 4 รัฐบาลมองอนาคตการแก้ปัญหาเรื่องการพนันในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างไร
 รัฐบาลมองอนาคตของเด็กและเยาวชนอย่างไร  ต่อการที่ปล่อยให้ผลิตภัณฑ์สลากขยายตัวทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะข้อจำกัดในการแก้ไขปัญหา และละเลยมาตรการลดผลกระทบอย่างจริงจัง เด็กและเยาวชนก็ซึมซับว่าการพนันขยายเต็มเมืองโดยที่ผู้บริหารไม่สนใจแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบ

       ข้อกังวลข้อที่ 5 การนำพาประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0 คืออะไร
 รัฐบาลบอกว่าจะพาประเทศไทย เป็น Thailand 4.0 ซึ่งแน่นอนว่าเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์  การเพิ่มผลิตภัณฑ์ การพนัน เป็นสินค้าที่มอมเมาประชาชนทุกวันที่1 และวันที่ 16 ให้คอยดูเลขทะเบียนรถบุคคลสำคัญคอยลุ้นตัวเลขจากต้นไม้ต่างๆ  ปรากฏการณ์เหล่านี้แม้จะแก้ไขโดยยาก แต่รัฐบาลเอง ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย ให้เกิดภาพแบบนี้ต่อไป

 5 กังวลเกิดขึ้นเพื่อเป็นการถามทิศทางและความชัดเจนจากนโยบายลดปัญหาการพนันให้สังคมไทย และเพื่อกระตุ้นรัฐบาลต่อกรณีแนวทางสำนักสลากในการเพิ่มจำนวนการพิมพ์ ทั้งนี้รัฐบาลอยู่ในฐานะที่ต้องปกป้องคุ้มครองประชากรของตนเองซึ่งต้องคอยทำงานเชิงรุกควบคู่กันด้วยมาตรการที่รัฐบาลป้องกันการพนันหลายอย่างๆ ทั้งนี้ข้อดำเนินการหลายข้อในปัจจุบันอยู่ในหลักการที่ดีอยู่แล้ว แต่ขาดการปฎิบัติและติดตามอย่างจริงจัง จากนี้จึงเสนอขอให้รัฐบาลทบทวนการดำเนินการในแนวนโยบายต่างๆเพื่อลดปัญหาการพนันอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยคุ้มครองเด็กและเยาวชนไทยให้พ้นจากผลกระทบของปัญหาการพนันในประเทศไทยที่เป็นภัยเงียบอยู่ในทุกวันนี้  


วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รีวืวหนังสือ :ช่างเชื่อมความรู้




"ช่างเชื่อมความรู้" มีด้วยเหรอช่างนี้ ทำอะไรหนอ 
 เหมือนช่างเชื่อมโลหะ  ช่างประปา ช่างกล ไหม จบจากที่ไหนกัน 
 คำถามนี้ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อขึ้นเห็นหน้าปกหนังสือเล่มนี้ 

ถ้าจะตอบ (จากคำถามที่ตั้งขึ้นมาเอง) 
ความเหมือนกันอยู่ที่ การเป็นคนกลาง ที่เชื่อมระหว่างสิ่งหนึ่งกับสื่งหนึ่ง
เหมือนกันช่างเหล็ก ที่ต้องเชื่อม เหล็กอีกเส้นกับอีกเส้น หรือหลายเส้น 
ให้เป็นรูปร่างตามต้องการ หรือตามประโยชน์ที่จะใช้ 

สรุปช่างเชื่อมคือ 
1) มีคนกลาง ที่มีความสามารถ เข้าใจสิ่งที่จะเชื่อมได้
2) มีวัตถุที่จะเชื่อม จะเหมือนกันหรือต่างกัน
3) มีเป้าหมาย ของการใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น
4) มีวิธีการที่จะเชื่อมวัตถุนั้นๆ เข้าด้วยกัน เหมือนช่างเหล็ก ก็ต้องมีเครื่องเชื่อม มีคีม มีหน้ากากกันไฟ เป็นต้น

แล้้วถ้าเป็นช่างเชื่อมความรู้ ล่ะ ทำอย่าง
เอาหนังสือ สองเล๋มมาประกอบกัน  เป็นชั้นๆๆ ........
ไม่ใช่แน่ อย่างนั้นต้องเรียกว่า ช่างเชื่อมหนังสือ ฮุๆๆๆ
ก่อนจะไปกันใหญ่ กลับมาที่หนังสือเล่มนีั้ ก่อน

ในหนังสือ บอกถึงบทบาทของช่างเชื่อมความรู้ ไว้ดังนี้
       "การมีคนกลางมาเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้ทุนและนักวิจัย" จะมีความแตกต่างจากการ "จัดการงานวิจัย"
ผ่านการให้ทุนแก่นักวิจัยอย่างที่เคยผ่านมาและรูปแบบการทำงานที่มีบทเรียนที่น่าสนใจอย่างไร
ทั้งในแง่แนวคิด วิธีปฏิบัติ   และผลที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะมองจากมุมของความรู้ที่เพิ่มขึ้น และการกำหนดนโยบาย"
   

สรุปเนื้อหาย่อในหนังสือ ประกอบด้วย
1) การเป็นคนกลางเชื่อมให้งานวิจัยต่างจากที่เป็นมา
2) เชื่อมความรู้ จากการวิจัย และนโยบาย  ,
3) มีเป้าหมาย เพื่อ เพื่อเพิ่มความรู้และการกำหนดนโยบาย
4) มีบทบาทในการเชื่อมต่อ ระหว่างผู้ให้ทุนและนักวิจัย


แล้วต้องทำอะไร ถึงจะเป็นช่างเชื่อมความรู้
ในหนังสือ  ได้สรุปประสบการณ์ และกระบวนการ ที่ มสช.ใช้ในฐานะคนกลาง
ที่เข้ามาเชื่อมความรู้ระบบบริการปฐมภูมิและส่งต่อระดับนโยบาย

รายละเอียดพอสังเขป
     1) คนกลางต้องรู้อะไร  ช่างเชื่อมความรู้ ก็ต้องเข้าใจปรัชญาพื้นฐานของการเชื่อมประสาน หรือที่  NGOs ส่วนหนึ่งรู้จัก สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของอาจารย์ประเวศ วะสี ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ โครงสร้างการกลุ่มคน ที่อาจารย๋บอกว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาสังคมได้ ประกอบไปด้วย นักวิจัย  ภาคประชาสังคม และผู้กำหนดนโยบาย
      2) สิ่งที่ต้องเชื่อม ซึ่งไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นความรู้ ที่มาจาก 3 แหล่ง คือ  1)กลุ่มคนที่มีเป้าหมายเดียวกันในเรื่องนั้น หนังสือใช้คำว่าคณะทำงาน  , 2)นักวิชาการและนักวิจัย  3) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย   เพื่อจะดูว่าใครเกี่ยวข้องตรงไหนอย่างไร  (สำหรับผู้เขียน เห็นว่า ด้วยบทบาทของทั้งสามกลุ่ม จะส่งผลต่อการเลือกความรู้ให้ตรงกับความต้องของตนเอง)
   3)  เป้าหมายที่จะเชื่อม คือ การกำหนดนโยบาย ในหนังสือเล่าถึงประสบการณ์และความความสำเร็จในการนำความรู้ไปสู่การกำหนดนโยบาย  ซึ่งหนังสือได้เล่าให้ถึง ความสำเร็จของเป้าหมาย คือ ความรู้ ถูกนำไปใช้เป็นนโยบายได้ทันที   2) ความรู้ที่ได้ต้องถูกนำไปเจรจาต่อรอง เพื่อไปกำหนดเป็นนโยบาย  และ  3)  ความรู้ถูกเพิกเฉยไม่ได้นำไปใช้ในการกำหนดนโยบาย   ในท้ายเล่มหนังสือมีบอกถึงเคล็ดลับเพื่อเชื่อมความรู้ให้มีประสิทธิภาพ

    4) วิธีการเชื่อมต่อ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 ขั้นตอน คือ 1)การสร้างภาพอนาคตเดียวกัน ของคณะทำงานหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง   2) เสาะหาความรู้  3)เปิดพื้นที่การสื่อสาร  4)ผลิตและรวบรวมความรู้เพิ้มเติม 5) เชื่อมสังเคราะห์ สร้้างภาพใหญ่ของชุดความรู้

       ในหนังสือ ยังบอกเคล็ดลับ ต่าง ๆ ของการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้  ซึ่งมีเคล็ดลับ อยู่้  4 ข้อ คือ
1)จัดกลุ่มผู้เข้าร่วมตามประสบการณ์และความสนใจ ให้คนสนใจจริงเรื่องเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน  2)ทำให้เป็นเวทีแห่งมรรค มิใช่ทุกข์   3) มีผู้ควบคุมเวทีที่ซื้อใจและศรัทธาจากทุกคนได้  4) การกำหนดบทบาทผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

      อ่านมาถึงตรงนี้ แล้ว ก็น่าจะพอเห้นประโยชน์ของหนังสือฉบับนี้ ล่ะ สำหรับคนที่ทำงานเชื่อมประสานการพัฒนาต่่าง หนังสือฉบับนี้ น่าจะพอเป็นประโยชน์ และแนวทางในการทำงานนะครับ



หนังสือ  ช่างเชื่อมความรู้ หลักฐานทางวิชาการสู่นโยบาย
กรณีศึกษาการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ 
ผู้เขียน : เพ็ญนภา หงษ์ทอง 
ปีที่ พิมพ์ 1 กุมภาพันธ์ 2554
จัดพิมพ์และเผยแพร่โดยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ 

ชวนกันอ่าน 001 : ชวนกันแปลงมนุษย์ สู่ดิจิตัล

ชวนกันอ่าน 001  นิตยสาร MARKETEER  ฉบับที่ 215  ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2561   สำหรับปกเล่มนี้ คือ เรื่อง  BECOME DIGITAL แปลงมนุษย์สู่ดิจิท...